อีเมล์ รหัสผ่าน จดจำในระบบ

This website is better viewed with
FIREFOX
or GOOGLE CHROME
Review www.t-globe.com on alexa.com

แม่น้ำตาปี




เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในภาคใต้
ของประเทศไทยเดิมมีชื่อว่า "แม่น้ำหลวง" เนื่องจากมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช และไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทยที่อ่าวบ้านดอนของ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี นักปราชญ์ชาวกรีกนามว่าปโตเลมี ได้กล่าวถึง แม่น้ำอัตตาบาส์ ซึ่งหมายถึง แม่น้ำตาปี เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.6) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2458 และได้กระทำคำสั่งประกาศเป็นทางการโดยมี มหาอำมาตย์โทพระยามหาอำมาตยาธิบดีเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยลงนามในประกาศ ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2458
สายน้ำแห่งชีวิต
Tapi River (แม่น้ำตาปี ) (SuratThani)

แม่น้ำตาปีเดิมมีชื่อว่า "แม่น้ำหลวง" พระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "แม่น้ำตาปี" เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2458 แม่น้ำตาปีมีต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาหลวงซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดของทิวเขานครศรีธรรมราช อยู่ในเขตอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ไหลผ่านอำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ (เดิมเรียกว่าอำเภอท่ายาง) จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านอำเภอพระแสง อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเคียนซา อำเภอพุนพิน และไหลออกสู่อาวไทยที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เป็น แม่น้ำสายยาวที่สุดของภาคใต้ เนื่องจากแม่น้ำตาปีมีความยาวมาก ชาวพื้นเมืองจึงเรียกชื่อเม่น้ำสายนี้ต่างกันออกไปตามตำบลที่ไหลผ่าน เช่น เรียกว่าแม่น้ำท่าข้าม แม่น้ำบ้านดอน ประกอบกับแม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำที่ใหญ่กว่าแม่น้ำใดๆ ในภาคใต้ ท้องที่ในลุ่มแม่น้ำสายนี้เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีความสำคัญทั้งด้าน
การเพาะปลูกและการค้าขาย นับเป็นแม่น้ำที่สำคัญมากสายหนึ่งของประเทศไทย มีความสำคัญมาแต่โบราณ ทั้งในแง่เกษตรกรรม การคมนาคม เป็นทางผ่านคาบสมุทรและทางลำเลียงสินค้าระหว่างอินเดียอาหรับ และจีน เป็นแหล่งเกิดชุมชนโบราณของภาคใต้ และยังคงมีความสำคัญมาถึงปัจจุบัน

ในปัจจุบันแม่น้ำตาปี ยังเป็นสถานที่พักผ่อนและมีร้านอาหารทะเลของชาวเมืองสุราษฎร์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ด้วยบรรยากาศริมน้ำอันงดงาม ทำให้บริเวณนี้มีร้านอาหารทะเลมาเปิดบริการหลายร้าน หากต้องการมาเที่ยวชมปากแม่น้ำตาปีควรมาช่วงเย็นโดยทางเรือจะดีกว่า ผู้ที่เดินทางมาโดยรถยนต์จะไม่เห็นทัศนียภาพริมน้ำ เพราะร้านอาหารทะเลหลายร้านที่ตั้งอยู่ บดบังธรรมชาติอันสวยงามไปอย่างน่าเสียดาย

การนั่งเรือชมทิวทัศน์ เรือจะมุ่งหน้าจากท่าเรือกลาง ไปปากแม่น้ำตาปี วนเข้าไปในคลอง(คลองร้อยสาย) หรือในบาง(บางใบไม้) ชมวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน ตกกุ้ง ทำอวน ผ่านบางคลองหลวงซึ่งเป็นบริเวณน้ำกร่อย มีการทำนากุ้งแชบ๊วย แวะซื้ออาหารทะเลแห้ง เช่น กะปิ ปลาแห้ง แล้วเดินทางต่อไปบางปากหนาก จากนั้นกลับไปที่ท่าเรือกลาง ใช้เวลา 1 ชม. ขึ้นไป

ต.บางชนะ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000


ในปัจจุบันวิถีการดำรงชีวิตของผู้คนเริ่มเปลี่ยนแปลง
แต่ชาวเมืองสุราษฎร์ ยังให้ความสำคัญกับแม่น้ำตาปีสายน้ำแห่งชีวิตสายนี้บริเวณใกล้ปากแม่น้ำตาปีติดกับตลาดสดเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี 
นับเป็นหลักยุทธศาสตร์การตั้งเมืองชาญฉลาด "บ้านดอน" จึงกลายเป็นชื่อที่เรียกเขตตลาดมาช้านาน และเป็นเมืองหน้าท่าของการทำมาค้า เช่น ท่าเทียบเรือประมงที่เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลสดๆ จากเรือประมงและรับขนส่งสินค้าให้กับชุมชนต่างๆ ในเขตอำเภอกาญจนดิษฐ์, ดอนสัก, เกาะสมุย, เกาะพะงัน, เกาะเต่า ถัดออกไปไม่ไกลจากท่าเทียบเรือประมงก็จะเป็นท่าเรือนอนสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยัง เกาะสมุย, เกาะพะงัน, เกาะเต่า โดยเรือนอนจะออกทุกวันเวลากลางคืนถึงตัวเกาะต่างๆก็รุ่งเช้าของวันถัดไป แม่น้ำตาปียังแตกแขนงออกเป็นคลองอีกมากมายนับร้อยสายจนเรียกกันคุ้นหูว่าคลองร้อยสาย ซึ่งชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับสายน้ำแห่งนี้ตลอดจนมีบ้านริมน้ำที่บ้างหลังได้ทำเป็นโฮมสเตย์พร้อมกับจัดให้มีการ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติของชุมชนคลองร้อยสายซึ่งได้จัดให้มีการล่องเรือชมวิถีชีวิตของชาวบ้านและไหว้พระคู่บ้านคู่เมือง ส่วนถ้าใครต้องการจะดูหิ่งห้อยก็สามรถดูได้ในเวลากลางคืน ถ้ามีโอกาสเชิญเราขอท่านไปสัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำแบบโบราณที่มีความเป็นอยู่แบบ เรียบง่ายและมีอยู่จริงกลางในเมืองที่มั่งคลั่งและเจริญยิ่งเยื่องเมือง สุราษฎร์ธานีเพื่อยลมนต์เสน่ห์ที่เรียบง่ายชวนให้ค้นหาและหลงไหล...
ปากน้ำตาปี อยู่หมู่ที่ 3 ตำบลบางกุ้ง ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 7 กิโลเมตร ตามเส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปากน้ำ มีคิวรถโดยสารอยู่เยื้องกับห้างจุฬาสรรพสินค้า บนถนนบ้านดอน ปากน้ำตาปีเป็นแนวรอยต่อระหว่างน้ำจืด(แม่น้ำตาปี)และน้ำทะเลในอ่าวไทย
มีลักษณะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกปกคลุมไปด้วยแนวป่าชายเลนที่สมบูรณ์เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีววิทยา ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ตามชายฝั่งทะเล เช่น แสม ลำพู โกงกาง สัตว์ป่าหลากชนิด เช่น นกยางเปีย นกกระเต็น เหยี่ยวแดง จิ้งจกหางแบน งูเขียวหัวจิ้งจก จึงทำให้เป็นแหล่งศึกษาและแหล่งท่องเที่ยวทางนิเวศวิทยาที่น่าสนใจ และนอกจากนี้ยังมีบรรยากาศที่ดีเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ รับประทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นจากผู้ประกอบการที่มาเปิดให้บริการอยู่มากมาย
หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานหรือการใช้ชีวิตแบบสังคมเมืองมาตลอดสัปดาห์ลองจัดแจงหาเวลาสะดวกพร้อมวันว่างสักวัน กับการท่องเที่ยวที่สามารถจัดทำได้ด้วยตัวคุณเองไม่ว่าจะไปกับครอบครัวหรือไปกับเพื่อน
>>> แนะนำทริปเที่ยว แม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฏร์ธานี
Lak Muang Surat (ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี) (SuratThani)

ศาลหลักเมืองเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองสุราษฎร์ ในช่วงเย็นถึงค่ำจะมีประชาชนมานมัสการศาลหลักเมืองกันหนาตาทุกวัน ด้านหน้าศาลมีซุ้มดอกไม้ธูปเทียนไว้บริการ มีดอกบัวหลวง ดาวเรือง และบานไม่รู้โรย ไว้สำหรับบูชา

ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานีสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชสักการะและเฉลิมพระเกียรติเนื่องในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2539 และเพื่อความเป็นศิริมงคล, เป็นหลักชัยละมิ่งขวัญรวมทั้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ออกแบบโดยคณะช่างจากกรมศิลปากร ด้วยการเน้นรูปลักษณ์ที่เป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเดิมที่ได้รับอิทธิพลมาจากลังกาชวาและเขมรผสมกลมกลืนกัน มีรูปแบบตามตามศิลปกรรมศรีวิชัย

สำหรับรูปทรงของศาลนั้นได้สร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุขย่อมุมมณฑปสร้างเป็นเจดีย์องค์ประธานมียอดฉัตร 5 ชั้น ถัดลงมาเป็นหลังคาซ้อนเป็นชั้นมณฑปลดหลั่นลงมาจำนวน 4 ชั้น แต่ละชั้นมีเจดีย์องค์บริวาร หลังคามีฐานสี่เหลี่ยมขนาดสูง 5.10 เมตร กว้าง 2.10 เมตร ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นแบบศรีวิชัยทาสีทอง ปั้นก่อบัวลวดลายบนกลีบขนุนทั้ง 4 ด้าน และได้อัญเชิญเครื่องหมายตราสัญลักษณ์ฉลองราชสมบัติครบ 50 พรรษา ประดับไว้ทั้ง 4 ด้าน

ถ.ดอนนก ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000

Taladnud Taladnam Bandon (ตลาดนัด ตลาดน้ำ บ้านดอน) (SuratThani)

ตลาดน้ำ-ตลาดนัดบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเฉพาะวันอาทิตย์ มีร้านขายสินค้าหลากหลายส่วนมากแล้วก็จะเป็นอาหารโดยเฉพาะขนมพื้นบ้าน เช่น ผัดไทยไชยา ข้าวหลามน้ำรอบ ขนมโค ขนมจาก เป็นต้น
และยังมีลานนั่งเล่นได้บรรยากาศการรับประทานอาหารริมแม่น้ำในช่วงเวลาพลบค่ำตะวันกำลังจะลาขอบฟ้า ซึ่งตลาดนัด-ตลาดน้ำบ้านดอน แห่งนี้มีรูปแบบภายใต้แนวคิด "บ้านดอนย้อนยุค" รวมของดีพื้นบ้าน ศิลปวัฒนธรรมของชาวใต้ มีการแสดงและการละเล่นที่น่าสนใจและหาชมได้ยากในสมัยนี้

บริเวณท่าปลาวาฬ(สวนศรีตาปี) อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000

Firefly Watching (ดูหิ่งห้อย) (SuratThani)
ราคา: 50 ถึง 300 Baht

การล่องเรือชมหิ่งห้อยในแม่น้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี ในตอนกลางคืนนั้นจะมีหิ่งห้อยให้ชมเป็นระยะทางยาวไปตามสายน้ำที่เงียบสงัด ริมน้ำที่เต็มไปด้วยต้นลำพูจะมีหิ่งห้อยเกาะเอยู่เต็มต้นแข่งกันกระพริบแสงที่ก้น สวยมากจริงๆ บางตัวก็บินไปบินมาแถมบางตัวยังบินเข้ามาหาเรา ในขณะที่เรือเข้าไปใกล้จนได้เห็นหิ่งห้อยอย่างชัดเจนในคืนเดือนมืด เพราะท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงของพระจันทร์มาบทบังความงามของแสงหิ่งห้อยจนสามารถมองจากระยะไกลๆ ดูคล้ายกับต้นลำพูกลายเป็นต้นคริสมาสต์ในวันปีใหม่ที่เต็มไปด้วยแสงไฟ แต่เมื่อเราแหงนมองทองฟ้าก็ยังคงเห็นดวงดาวพร่างพราวอยู่บนท้องฟ้าที่ส่องแสงแข่งกับหิ่งห้อยที่ภาคพื้นดินที่โชคดีกว่านั้นคือบางครั้งอาจจะเห็นดาวตก ทำให้เป็นค่ำคืนที่งดงามได้ชมแสงของหิ่งห้อยแบบใกล้ชิดติดตาพร้อมกับชมดวงดาวเต็มท้องฟ้า เรือที่พาชมหิ่งห้อยเป็นเรือยนต์หางยาวเวลาใกล้ต้นลำพูที่มีเจ้าหิ่งห้อยพี่คนเรือจะเบาเครื่องลงเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมหิ่งห้อยตัวน้อยอย่างใกล้ชิดขนาดจะจับต้องมันได้ "แต่อย่าจับตัวมันและอย่าถ่ายรูปมันเนื่องจากเกรงว่าแสงแฟสชจะไปรบกวนหิ่งห้อยและทำให้มันไม่สามารถขยายพันธุ์ได้อีก

49 หมู่ 5 ต.บางชนะ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000


ถ้าจะให้ดีเราควรเริ่มกันแต่เช้าเพื่อชมแสงของวันใหม่ใส่บาตรพระเดินหนเสร็จแล้วหาร้านน้ำชานั่งจิบชิวๆ หลังจากนั้นเราก็เริ่มโปรแกรมกันเลยค่ะ เริ่มจากสักการะศาลหลักเมืองของจังหวัดสุราษฎร์ธานีจากนั้นเราไปต่อกันที่ "คลองร้อยสาย" ซึ่งอยู่ในบางใบไม้สามารถมาขึ้นเรือได้ที่ท่าปลาวาฬ คลองร้อยสายเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างยังยืนสืบเนื่องมาจากชุมชนในบางที่มีคลองนับร้อยสายและยังใช้การสัญจรทางน้ำด้วยเรือพาย เรือแจว เรือหางยาว มีผู้คนอาศัยอยู่ 2 ฝั่งคลอง ตลอดฝั่งคลองมีต้นจากและสวนมะพร้าวในปัจจุบันเริ่มมีสวนปาล์มเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมลักษณะบ้านเรือนเป็นบ้านใต้ถุนสูง สร้างด้วยไม้ทรงไทย, ทรงปั้นหยา การติดต่อสัมพันธ์ในชุมชนใช้เส้นทางผ่านคลองน้อยคลองใหญ่ ลักษณะชุมชนมีศูนย์กลางเป็นสวนมีแม่น้ำตาปีไหลผ่านล้อมรอบหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนและสิ่งมีชีวิตต่างๆจนขนานนามกันว่า
"คลองร้อยสาย" ชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์วิถีไทยพร้อมเผยความเป็นชนบทในตัวเมืองด้วยไมตรีจิตของชาวบ้านที่นี่มีนิสัยโอบอ้อมอารีและจริงใจพร้อมที่จะต้อนรับผู้มาเยือนคลองร้อยสายแห่งนี้จึงเป็นพื้นที่ซึ่งน่าจะมีศักยภาพในการท่องเที่ยวสูง และนอกจากนั้นชาวบ้านในบางยังสามารถนำชมวิถีชีวิตชาวประมงและชาวสวน ชมการสาธิตลิงขึ้นต้นมะพร้าว ชิมขนมจากที่แสนอร่อย และสามารถเลือกซื้อสินค้าหัตถกรรม นมัสการหลวงพ่อข้าวสุกพระซึ่งปั้นจากข้าวก้นบาตรอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวคลองร้อยสายซึ่งนับถือศาสนาพุทธบ้านโบราณขุนประชันศึกประชิดอายุกว่า 200 ปี หลังจากชมความงามของคลองร้อยสายกันเรียบร้อยแล้วเมืองมองแล้วคงได้เวลไปหาของอร่อยๆทานกันแล้วสามารถเลือกได้หลายหลากรูปแบบเพราะสุราษฎร์ธานีมีร้านอาหารให้บริการมากมายหลังจากอิ่มท้องก็ได้เวลาของเส้นทางบุญ 9 บารมีมหามงคลคู่บ้านคู่เมืองสุราษฎร์ธานี
ถ้าเป็นวันอาทิตย์
ท่านก็สามารถเที่ยวชม "ตลาดนัด-ตลาดน้ำ บ้านดอน" เพื่อซึมซับภาพบรรยายเก่าและหาขนมสมัยโบราณชิม เมื่ออิ่มกันแล้วเช็คความพร้อมของใจและกาย ก็ได้เวลานั่งชมตะวันลับขอบฟ้าข้างริมน้ำตาปีจากนั้นลงเรือปลดปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยไปกับสายน้ำพร้อมชมความงดงามของหิ่งห้อยที่ส่องแสงระยิบระยับประดุจแสงไฟประดับต้นคริสต์มาสได้ตลอดทั้งปีบนต้นลำพูในแม่น้ำตาปีสายน้ำแห่งชีวิตสายนี้ แต่ขอเน้นถ้าจะให้เห็นกันแบบเต็มควรจะเดินทางไปช่วงคืนเดือนมืดค่ะ
ไปยังเว็บใหม่ t-Globe?
ลงทะเบียนสมาชิกเพื่อได้รับข้อมูลทุกอย่างในเว็บไซด์
ชื่อ
อีเมล์
รหัสผ่าน
ยืนยันรหัสผ่าน

สมาชิกที่ลงทะเบียนจะสามารถ:
  • การใช้งานเชิงโต้ตอบt-Maps
  • ดูธุรกิจละแวกใกล้เคียง
  • พิมพ์ คู่มือท่องเที่ยวรูปแบบไฟล์ PDF
  • ได้รับคูปองส่วนลดสำหรับโรงแรมร้านอาหารและบริการอื่น ๆ
  • จดบันทึก และบันทึกข้อมูลเพื่อใช้ในอนาคต
  • ติดตามการเยี่ยมชมหน้าเว็บ