แม่น้ำตาปี
River >> Tapi River (แม่น้ำตาปี ) (SuratThani) แม่น้ำตาปีเดิมมีชื่อว่า "แม่น้ำหลวง" พระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "แม่น้ำตาปี" เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2458 แม่น้ำตาปีมีต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาหลวงซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดของทิวเขานครศรีธรรมราช อยู่ในเขตอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ไหลผ่านอำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ (เดิมเรียกว่าอำเภอท่ายาง) จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านอำเภอพระแสง อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเคียนซา อำเภอพุนพิน และไหลออกสู่อาวไทยที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เป็น แม่น้ำสายยาวที่สุดของภาคใต้ เนื่องจากแม่น้ำตาปีมีความยาวมาก ชาวพื้นเมืองจึงเรียกชื่อเม่น้ำสายนี้ต่างกันออกไปตามตำบลที่ไหลผ่าน เช่น เรียกว่าแม่น้ำท่าข้าม แม่น้ำบ้านดอน ประกอบกับแม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำที่ใหญ่กว่าแม่น้ำใดๆ ในภาคใต้ ท้องที่ในลุ่มแม่น้ำสายนี้เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีความสำคัญทั้งด้าน การเพาะปลูกและการค้าขาย นับเป็นแม่น้ำที่สำคัญมากสายหนึ่งของประเทศไทย มีความสำคัญมาแต่โบราณ ทั้งในแง่เกษตรกรรม การคมนาคม เป็นทางผ่านคาบสมุทรและทางลำเลียงสินค้าระหว่างอินเดียอาหรับ และจีน เป็นแหล่งเกิดชุมชนโบราณของภาคใต้ และยังคงมีความสำคัญมาถึงปัจจุบัน ในปัจจุบันแม่น้ำตาปี ยังเป็นสถานที่พักผ่อนและมีร้านอาหารทะเลของชาวเมืองสุราษฎร์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ด้วยบรรยากาศริมน้ำอันงดงาม ทำให้บริเวณนี้มีร้านอาหารทะเลมาเปิดบริการหลายร้าน หากต้องการมาเที่ยวชมปากแม่น้ำตาปีควรมาช่วงเย็นโดยทางเรือจะดีกว่า ผู้ที่เดินทางมาโดยรถยนต์จะไม่เห็นทัศนียภาพริมน้ำ เพราะร้านอาหารทะเลหลายร้านที่ตั้งอยู่ บดบังธรรมชาติอันสวยงามไปอย่างน่าเสียดาย การนั่งเรือชมทิวทัศน์ เรือจะมุ่งหน้าจากท่าเรือกลาง ไปปากแม่น้ำตาปี วนเข้าไปในคลอง(คลองร้อยสาย) หรือในบาง(บางใบไม้) ชมวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน ตกกุ้ง ทำอวน ผ่านบางคลองหลวงซึ่งเป็นบริเวณน้ำกร่อย มีการทำนากุ้งแชบ๊วย แวะซื้ออาหารทะเลแห้ง เช่น กะปิ ปลาแห้ง แล้วเดินทางต่อไปบางปากหนาก จากนั้นกลับไปที่ท่าเรือกลาง ใช้เวลา 1 ชม. ขึ้นไป ต.บางชนะ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000
Shrine >> Lak Muang Surat (ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี) (SuratThani) ศาลหลักเมืองเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองสุราษฎร์ ในช่วงเย็นถึงค่ำจะมีประชาชนมานมัสการศาลหลักเมืองกันหนาตาทุกวัน ด้านหน้าศาลมีซุ้มดอกไม้ธูปเทียนไว้บริการ มีดอกบัวหลวง ดาวเรือง และบานไม่รู้โรย ไว้สำหรับบูชา ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานีสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชสักการะและเฉลิมพระเกียรติเนื่องในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2539 และเพื่อความเป็นศิริมงคล, เป็นหลักชัยละมิ่งขวัญรวมทั้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกแบบโดยคณะช่างจากกรมศิลปากร ด้วยการเน้นรูปลักษณ์ที่เป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเดิมที่ได้รับอิทธิพลมาจากลังกาชวาและเขมรผสมกลมกลืนกัน มีรูปแบบตามตามศิลปกรรมศรีวิชัย สำหรับรูปทรงของศาลนั้นได้สร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุขย่อมุมมณฑปสร้างเป็นเจดีย์องค์ประธานมียอดฉัตร 5 ชั้น ถัดลงมาเป็นหลังคาซ้อนเป็นชั้นมณฑปลดหลั่นลงมาจำนวน 4 ชั้น แต่ละชั้นมีเจดีย์องค์บริวาร หลังคามีฐานสี่เหลี่ยมขนาดสูง 5.10 เมตร กว้าง 2.10 เมตร ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นแบบศรีวิชัยทาสีทอง ปั้นก่อบัวลวดลายบนกลีบขนุนทั้ง 4 ด้าน และได้อัญเชิญเครื่องหมายตราสัญลักษณ์ฉลองราชสมบัติครบ 50 พรรษา ประดับไว้ทั้ง 4 ด้าน ถ.ดอนนก ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000 Night Market >> Taladnud Taladnam Bandon (ตลาดนัด ตลาดน้ำ บ้านดอน) (SuratThani) ตลาดน้ำ-ตลาดนัดบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเฉพาะวันอาทิตย์ มีร้านขายสินค้าหลากหลายส่วนมากแล้วก็จะเป็นอาหารโดยเฉพาะขนมพื้นบ้าน เช่น ผัดไทยไชยา ข้าวหลามน้ำรอบ ขนมโค ขนมจาก เป็นต้น และยังมีลานนั่งเล่นได้บรรยากาศการรับประทานอาหารริมแม่น้ำในช่วงเวลาพลบค่ำตะวันกำลังจะลาขอบฟ้า ซึ่งตลาดนัด-ตลาดน้ำบ้านดอน แห่งนี้มีรูปแบบภายใต้แนวคิด "บ้านดอนย้อนยุค" รวมของดีพื้นบ้าน ศิลปวัฒนธรรมของชาวใต้ มีการแสดงและการละเล่นที่น่าสนใจและหาชมได้ยากในสมัยนี้ บริเวณท่าปลาวาฬ(สวนศรีตาปี) อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000 River >> Firefly Watching (ดูหิ่งห้อย) (SuratThani) ราคา: 50 ถึง 300 Baht การล่องเรือชมหิ่งห้อยในแม่น้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี ในตอนกลางคืนนั้นจะมีหิ่งห้อยให้ชมเป็นระยะทางยาวไปตามสายน้ำที่เงียบสงัด ริมน้ำที่เต็มไปด้วยต้นลำพูจะมีหิ่งห้อยเกาะเอยู่เต็มต้นแข่งกันกระพริบแสงที่ก้น สวยมากจริงๆ บางตัวก็บินไปบินมาแถมบางตัวยังบินเข้ามาหาเรา ในขณะที่เรือเข้าไปใกล้จนได้เห็นหิ่งห้อยอย่างชัดเจนในคืนเดือนมืด เพราะท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงของพระจันทร์มาบทบังความงามของแสงหิ่งห้อยจนสามารถมองจากระยะไกลๆ ดูคล้ายกับต้นลำพูกลายเป็นต้นคริสมาสต์ในวันปีใหม่ที่เต็มไปด้วยแสงไฟ แต่เมื่อเราแหงนมองทองฟ้าก็ยังคงเห็นดวงดาวพร่างพราวอยู่บนท้องฟ้าที่ส่องแสงแข่งกับหิ่งห้อยที่ภาคพื้นดินที่โชคดีกว่านั้นคือบางครั้งอาจจะเห็นดาวตก ทำให้เป็นค่ำคืนที่งดงามได้ชมแสงของหิ่งห้อยแบบใกล้ชิดติดตาพร้อมกับชมดวงดาวเต็มท้องฟ้า เรือที่พาชมหิ่งห้อยเป็นเรือยนต์หางยาวเวลาใกล้ต้นลำพูที่มีเจ้าหิ่งห้อยพี่คนเรือจะเบาเครื่องลงเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมหิ่งห้อยตัวน้อยอย่างใกล้ชิดขนาดจะจับต้องมันได้ "แต่อย่าจับตัวมันและอย่าถ่ายรูปมันเนื่องจากเกรงว่าแสงแฟสชจะไปรบกวนหิ่งห้อยและทำให้มันไม่สามารถขยายพันธุ์ได้อีก 49 หมู่ 5 ต.บางชนะ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000
ท่านก็สามารถเที่ยวชม "ตลาดนัด-ตลาดน้ำ บ้านดอน" เพื่อซึมซับภาพบรรยายเก่าและหาขนมสมัยโบราณชิม เมื่ออิ่มกันแล้วเช็คความพร้อมของใจและกาย ก็ได้เวลานั่งชมตะวันลับขอบฟ้าข้างริมน้ำตาปีจากนั้นลงเรือปลดปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยไปกับสายน้ำพร้อมชมความงดงามของหิ่งห้อยที่ส่องแสงระยิบระยับประดุจแสงไฟประดับต้นคริสต์มาสได้ตลอดทั้งปีบนต้นลำพูในแม่น้ำตาปีสายน้ำแห่งชีวิตสายนี้ แต่ขอเน้นถ้าจะให้เห็นกันแบบเต็มควรจะเดินทางไปช่วงคืนเดือนมืดค่ะ |
ไปยังเว็บใหม่ t-Globe?
ลงทะเบียนสมาชิกเพื่อได้รับข้อมูลทุกอย่างในเว็บไซด์
สมาชิกที่ลงทะเบียนจะสามารถ: |
|