เที่ยววัดไห้วพระเสริมบารมีShrine >> Lak Muang Surat (ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี) (SuratThani) ศาลหลักเมืองเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองสุราษฎร์ ในช่วงเย็นถึงค่ำจะมีประชาชนมานมัสการศาลหลักเมืองกันหนาตาทุกวัน ด้านหน้าศาลมีซุ้มดอกไม้ธูปเทียนไว้บริการ มีดอกบัวหลวง ดาวเรือง และบานไม่รู้โรย ไว้สำหรับบูชา ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานีสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชสักการะและเฉลิมพระเกียรติเนื่องในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2539 และเพื่อความเป็นศิริมงคล, เป็นหลักชัยละมิ่งขวัญรวมทั้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกแบบโดยคณะช่างจากกรมศิลปากร ด้วยการเน้นรูปลักษณ์ที่เป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเดิมที่ได้รับอิทธิพลมาจากลังกาชวาและเขมรผสมกลมกลืนกัน มีรูปแบบตามตามศิลปกรรมศรีวิชัย สำหรับรูปทรงของศาลนั้นได้สร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุขย่อมุมมณฑปสร้างเป็นเจดีย์องค์ประธานมียอดฉัตร 5 ชั้น ถัดลงมาเป็นหลังคาซ้อนเป็นชั้นมณฑปลดหลั่นลงมาจำนวน 4 ชั้น แต่ละชั้นมีเจดีย์องค์บริวาร หลังคามีฐานสี่เหลี่ยมขนาดสูง 5.10 เมตร กว้าง 2.10 เมตร ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นแบบศรีวิชัยทาสีทอง ปั้นก่อบัวลวดลายบนกลีบขนุนทั้ง 4 ด้าน และได้อัญเชิญเครื่องหมายตราสัญลักษณ์ฉลองราชสมบัติครบ 50 พรรษา ประดับไว้ทั้ง 4 ด้าน ถ.ดอนนก ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000 River >> Tapi River (แม่น้ำตาปี ) (SuratThani) แม่น้ำตาปีเดิมมีชื่อว่า "แม่น้ำหลวง" พระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "แม่น้ำตาปี" เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2458 แม่น้ำตาปีมีต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาหลวงซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดของทิวเขานครศรีธรรมราช อยู่ในเขตอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ไหลผ่านอำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ (เดิมเรียกว่าอำเภอท่ายาง) จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านอำเภอพระแสง อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเคียนซา อำเภอพุนพิน และไหลออกสู่อาวไทยที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เป็น แม่น้ำสายยาวที่สุดของภาคใต้ เนื่องจากแม่น้ำตาปีมีความยาวมาก ชาวพื้นเมืองจึงเรียกชื่อเม่น้ำสายนี้ต่างกันออกไปตามตำบลที่ไหลผ่าน เช่น เรียกว่าแม่น้ำท่าข้าม แม่น้ำบ้านดอน ประกอบกับแม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำที่ใหญ่กว่าแม่น้ำใดๆ ในภาคใต้ ท้องที่ในลุ่มแม่น้ำสายนี้เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีความสำคัญทั้งด้าน การเพาะปลูกและการค้าขาย นับเป็นแม่น้ำที่สำคัญมากสายหนึ่งของประเทศไทย มีความสำคัญมาแต่โบราณ ทั้งในแง่เกษตรกรรม การคมนาคม เป็นทางผ่านคาบสมุทรและทางลำเลียงสินค้าระหว่างอินเดียอาหรับ และจีน เป็นแหล่งเกิดชุมชนโบราณของภาคใต้ และยังคงมีความสำคัญมาถึงปัจจุบัน ในปัจจุบันแม่น้ำตาปี ยังเป็นสถานที่พักผ่อนและมีร้านอาหารทะเลของชาวเมืองสุราษฎร์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ด้วยบรรยากาศริมน้ำอันงดงาม ทำให้บริเวณนี้มีร้านอาหารทะเลมาเปิดบริการหลายร้าน หากต้องการมาเที่ยวชมปากแม่น้ำตาปีควรมาช่วงเย็นโดยทางเรือจะดีกว่า ผู้ที่เดินทางมาโดยรถยนต์จะไม่เห็นทัศนียภาพริมน้ำ เพราะร้านอาหารทะเลหลายร้านที่ตั้งอยู่ บดบังธรรมชาติอันสวยงามไปอย่างน่าเสียดาย การนั่งเรือชมทิวทัศน์ เรือจะมุ่งหน้าจากท่าเรือกลาง ไปปากแม่น้ำตาปี วนเข้าไปในคลอง(คลองร้อยสาย) หรือในบาง(บางใบไม้) ชมวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน ตกกุ้ง ทำอวน ผ่านบางคลองหลวงซึ่งเป็นบริเวณน้ำกร่อย มีการทำนากุ้งแชบ๊วย แวะซื้ออาหารทะเลแห้ง เช่น กะปิ ปลาแห้ง แล้วเดินทางต่อไปบางปากหนาก จากนั้นกลับไปที่ท่าเรือกลาง ใช้เวลา 1 ชม. ขึ้นไป ต.บางชนะ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000 Night Market >> Taladnud Taladnam Bandon (ตลาดนัด ตลาดน้ำ บ้านดอน) (SuratThani) ตลาดน้ำ-ตลาดนัดบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเฉพาะวันอาทิตย์ มีร้านขายสินค้าหลากหลายส่วนมากแล้วก็จะเป็นอาหารโดยเฉพาะขนมพื้นบ้าน เช่น ผัดไทยไชยา ข้าวหลามน้ำรอบ ขนมโค ขนมจาก เป็นต้น และยังมีลานนั่งเล่นได้บรรยากาศการรับประทานอาหารริมแม่น้ำในช่วงเวลาพลบค่ำตะวันกำลังจะลาขอบฟ้า ซึ่งตลาดนัด-ตลาดน้ำบ้านดอน แห่งนี้มีรูปแบบภายใต้แนวคิด "บ้านดอนย้อนยุค" รวมของดีพื้นบ้าน ศิลปวัฒนธรรมของชาวใต้ มีการแสดงและการละเล่นที่น่าสนใจและหาชมได้ยากในสมัยนี้ บริเวณท่าปลาวาฬ(สวนศรีตาปี) อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000
Temple >> Wat Klang (วัดกลางเก่า) (SuratThani) วัดกลางเก่า ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดไตรธรรมาราม เดิมวัดแห่งนี้สันนิฐานว่า น่าจะสร้างก่อน พ.ศ.2320 เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยชุมชนและพระสงฆ์ช่วยกันสร้างใกล้ริมแม่น้ำตาปี ซึ่งท่าน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ค้าขายสินค้าของประชาชนด้วยกัน จึงสร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นที่สถานที่ทำบุญ เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นศูนย์กลางของชุมชน วัดกลางมีบทบาทอันสำคัญในการเผยแผ่หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพระพุทธศาสนา ถ.บ้านดอน ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000 Temple >> Wat Pattanaram (วัดพัฒนาราม) (SuratThani) วัดพัฒนาราม เดิมชื่อวัดใหม่ เป็นวัดที่หลวงพ่อพัฒน์ นารทะ สร้างขึ้น ตั้งอยู่ที่ 87/1 ถนนพัฒนาราม ตำบลตลาดล่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000 โทร.077-273975 วัดพัฒนาราม จัดเป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาทาง วัฒนธรรมวัตถุ และพิธีกรรมต่างๆ เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตและความเชื่อของชาวสุราษฎร์ธานีอย่างยิ่ง และเป็นโรงพยาบาลแผนโบราณแห่งแรกอีกทั้งยังเป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ประวัติความเป็นมา หลวงพ่อพัฒน์อุปสมบทและจำพรรษาที่วัดพระโยคหลายพรรษา จนถึงปี 2439 หลังจากกลับจากธุดงค์กับพระอาจารย์สุข ก็ได้สร้างวัดขึ้นใหม่ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "วัดใหม่" หลวงพ่อสร้างวัดบริเวณที่ดินร้างด้านหลังป่าช้าวัดพระโยคยังเป็นป่ารกทึบเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด อาทิ เสือ ลิง ค่าง งูพิษ หนูป่า โดยท่านได้ชักชวนชาวบ้าน ญาติมิตร และผู้มีจิตศรัทธา หลานชายหลวงพ่อกล่อมแห่งวัดโพธิ์เล่าว่า "ผู้ใหญ่ทับ ม่วงทอง เกณฑ์คนจากสะบ้าย้อย คลองฉนาก มาขุดสระให้หลวงพ่อพัฒน์สร้างวัด ถมดิน ทำโบสถ์" 87/1 ถ.หน้าเมือง ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000 Temple >> Wat Thamma Bucha (วัดธรรมบูชา) (SuratThani) วัดธรรมบูชา เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดภาค 16 นิกาย ธรรมยุต อยู่ในเขตอำเภอเมือง ต่อมาพระธรรมธัชมุนี ได้ปรับปรุงเป็นการศึกษาคันถธุระควบคู่กับวิปัสสนาธุระด้วย โดยได้ก่อตั้งสำนักเรียนพระปริยัติธรรมและบาลี จนถึงบัดนี้มีนักเรียนสอบบาลีได้ถึง 9 ประโยค ในด้านการเผยแผ่ได้จัดให้มี การฝึกฝนการเทศนาอบรมประชาชน ตลอดถึงการออกเผยแผ่นอกสถานที่ ร่วมกับ ทางราชการในฐานะพระธรรมทูตด้วย ส่วนด้านการปกครองได้อบรมสั่งสอน พระภิกษุสามเณร ให้ปฏิบัติดำรงอยู่ในพระธรรมวินัย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของ ประชาชนทั่วไปตลอดมา และเป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศูนย์การศึกษาสุราษฎร์ธานี โทร 077-282865-6 โทรสาร 077-282865-6 ต่อ 108 143/1 ถ.ชนเกษม ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000 Temple >> Wat Phothawas (วัดโพธาวาส) (SuratThani) วัดโพธาวาส หรือ วัดหลวงพ่อกล่อม ก่อตั้งเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๓๓๐ ตั้งอยู่เลขที่ ๕๐ บ้านมะขามเตี้ย ถนนวัดโพธิ์ ตำบลตลาด อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๕ ไร่ ๒ งาน ๗๓.๕ ตารางวา มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๗๑ นิ้ว สูง ๘๐ นิ้ว เป็นพระประธานในพระอุโบสถ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๒ หลวงพ่อกล่อมมีชื่อเสียงเรื่องตะกรุด ดังคำที่กล่าวจนรู้จักกันทั่วไปว่า "ตะกรุด ๓ ดอก หลวงพ่อกล่อม วัดโพธาวาส สุราษฎร์ธานี " ถือเป็นสุดยอดตะกรุดที่หายากและราคาแพงมากที่สุดของภาคใต้ เพราะด้วยประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ หายากกว่าเหรียญหล่อรุ่นแรก ปี ๒๔๗๐ และหลวงพ่อผ่านมือและจารอักขระสัมผัสทุกดอก 50 ถ.วัดโพธิ์ ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000
Shrine >> Ong Hok Kian Shrine (ตำหนักอ๋องฮกเกี้ยน) (SuratThani) ศาลเจ้าฮกเกี้ยน สร้างขึ้นเพื่อใช้ที่สักการะและเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้รำลึกถึงบรรพบุรุษ และได้ไปอัญเชิญองค์เทพเจ้าแลฮู้อ๋องเอียกง มาจากมณฑลฮกเกี้ยน จำนวน ๓ องค์ มาประดิษฐานเป็นเจ้าองค์ประธานในศาลเจ้าฮกเกี้ยน ภายหลังได้มีการอัญเชิญองค์เทพเจ้ามาร่วมศาลอีก ๒ องค์ คือ เจ้าแม่กวนอิม และเจ้าแม่ทับทิม ในปีพ.ศ. ๒๔๙๖ ได้เกิดเพลิงไหม้ใหญ่ เผาผลาญศูนย์กลางความเจริญของตลาดบ้านดอนไปหมดสิ้นรวมไปถึงศาลเจ้าฮกเกี้ยน ด้วยความศรัทธาที่มีต่อองค์เทพเจ้าแลฮู้อ๋องเอียกง เจ้าแม่กวนอิม และเจ้าแม่ทับทิม ชาวฮกเกี้ยนจึงได้ช่วยกันปกป้ององค์เทพเจ้าทั้งสามให้รอดพ้นจากเพลิงไหม้ครั้งนั้นได้ ภายหลังจึงได้พร้อมใจกันก่อสร้างศาลเจ้าฮกเกี้ยนขึ้นมาใหม่ และอัญเชิญองค์เทพเจ้าทั้งสามกลับสู่ศาลเจ้าฮกเกี้ยนดังเดิม และกำหนดให้ถือเอาวันที่ ๙ เดือน ๙ ของทุกปี นับตามปฏิทินจีน เป็นวันฉลองวันเกิดขององค์เทพเจ้าแลฮู้อ๋องเอียกง องค์เทพเจ้าประธานของตำหนักอ๋องฮกเกี้ยนบ้านดอน ถ.บ้านดอน ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000 Shrine >> Poi Sian Shrine (ศาลเจ้าโป๊ยเซียน) (SuratThani) ศาลเจ้าโป๊ยเซียน หรือ มูลนิธิมุทิตาจิตธรรม ตั้งอยู่บนถนนหน้าเมือง มีองค์เทพเจ้าโป๊ยเซียน หรือแปดเซียนเป็นองค์ประธาน ประดิษฐานอยู่ที่ชั้นสองของมูลนิธิ บริเวณเดียวกันเป็นเทวสถานเก้าแชเต้ง ประดิษฐานพระพุทธเจ้าสามภพ และมีเจ้าแม่กวนอิม แกะสลักจากแกรนิตขาว สูง 18 เมตร ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของมูลนิธิ ไว้ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะขอพร และยังร่วมทำบุญบริจาคโลงศพได้ด้วย มูลนิธิมุทิตาจิตธรรมตั้งอยู่เยื้องห้างโคลีเซียม ถ.หน้าเมือง อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000
|
ไปยังเว็บใหม่ t-Globe?
ลงทะเบียนสมาชิกเพื่อได้รับข้อมูลทุกอย่างในเว็บไซด์
สมาชิกที่ลงทะเบียนจะสามารถ: |
|