อีเมล์ รหัสผ่าน จดจำในระบบ

This website is better viewed with
FIREFOX
or GOOGLE CHROME
Review www.t-globe.com on alexa.com

เที่ยววัดไห้วพระเสริมบารมี


Lak Muang Surat (ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี) (SuratThani)

ศาลหลักเมืองเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองสุราษฎร์ ในช่วงเย็นถึงค่ำจะมีประชาชนมานมัสการศาลหลักเมืองกันหนาตาทุกวัน ด้านหน้าศาลมีซุ้มดอกไม้ธูปเทียนไว้บริการ มีดอกบัวหลวง ดาวเรือง และบานไม่รู้โรย ไว้สำหรับบูชา

ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานีสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชสักการะและเฉลิมพระเกียรติเนื่องในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2539 และเพื่อความเป็นศิริมงคล, เป็นหลักชัยละมิ่งขวัญรวมทั้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ออกแบบโดยคณะช่างจากกรมศิลปากร ด้วยการเน้นรูปลักษณ์ที่เป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเดิมที่ได้รับอิทธิพลมาจากลังกาชวาและเขมรผสมกลมกลืนกัน มีรูปแบบตามตามศิลปกรรมศรีวิชัย

สำหรับรูปทรงของศาลนั้นได้สร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุขย่อมุมมณฑปสร้างเป็นเจดีย์องค์ประธานมียอดฉัตร 5 ชั้น ถัดลงมาเป็นหลังคาซ้อนเป็นชั้นมณฑปลดหลั่นลงมาจำนวน 4 ชั้น แต่ละชั้นมีเจดีย์องค์บริวาร หลังคามีฐานสี่เหลี่ยมขนาดสูง 5.10 เมตร กว้าง 2.10 เมตร ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นแบบศรีวิชัยทาสีทอง ปั้นก่อบัวลวดลายบนกลีบขนุนทั้ง 4 ด้าน และได้อัญเชิญเครื่องหมายตราสัญลักษณ์ฉลองราชสมบัติครบ 50 พรรษา ประดับไว้ทั้ง 4 ด้าน

ถ.ดอนนก ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000

Tapi River (แม่น้ำตาปี ) (SuratThani)

แม่น้ำตาปีเดิมมีชื่อว่า "แม่น้ำหลวง" พระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "แม่น้ำตาปี" เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2458 แม่น้ำตาปีมีต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาหลวงซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดของทิวเขานครศรีธรรมราช อยู่ในเขตอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ไหลผ่านอำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ (เดิมเรียกว่าอำเภอท่ายาง) จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านอำเภอพระแสง อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเคียนซา อำเภอพุนพิน และไหลออกสู่อาวไทยที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เป็น แม่น้ำสายยาวที่สุดของภาคใต้ เนื่องจากแม่น้ำตาปีมีความยาวมาก ชาวพื้นเมืองจึงเรียกชื่อเม่น้ำสายนี้ต่างกันออกไปตามตำบลที่ไหลผ่าน เช่น เรียกว่าแม่น้ำท่าข้าม แม่น้ำบ้านดอน ประกอบกับแม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำที่ใหญ่กว่าแม่น้ำใดๆ ในภาคใต้ ท้องที่ในลุ่มแม่น้ำสายนี้เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีความสำคัญทั้งด้าน
การเพาะปลูกและการค้าขาย นับเป็นแม่น้ำที่สำคัญมากสายหนึ่งของประเทศไทย มีความสำคัญมาแต่โบราณ ทั้งในแง่เกษตรกรรม การคมนาคม เป็นทางผ่านคาบสมุทรและทางลำเลียงสินค้าระหว่างอินเดียอาหรับ และจีน เป็นแหล่งเกิดชุมชนโบราณของภาคใต้ และยังคงมีความสำคัญมาถึงปัจจุบัน

ในปัจจุบันแม่น้ำตาปี ยังเป็นสถานที่พักผ่อนและมีร้านอาหารทะเลของชาวเมืองสุราษฎร์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ด้วยบรรยากาศริมน้ำอันงดงาม ทำให้บริเวณนี้มีร้านอาหารทะเลมาเปิดบริการหลายร้าน หากต้องการมาเที่ยวชมปากแม่น้ำตาปีควรมาช่วงเย็นโดยทางเรือจะดีกว่า ผู้ที่เดินทางมาโดยรถยนต์จะไม่เห็นทัศนียภาพริมน้ำ เพราะร้านอาหารทะเลหลายร้านที่ตั้งอยู่ บดบังธรรมชาติอันสวยงามไปอย่างน่าเสียดาย

การนั่งเรือชมทิวทัศน์ เรือจะมุ่งหน้าจากท่าเรือกลาง ไปปากแม่น้ำตาปี วนเข้าไปในคลอง(คลองร้อยสาย) หรือในบาง(บางใบไม้) ชมวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน ตกกุ้ง ทำอวน ผ่านบางคลองหลวงซึ่งเป็นบริเวณน้ำกร่อย มีการทำนากุ้งแชบ๊วย แวะซื้ออาหารทะเลแห้ง เช่น กะปิ ปลาแห้ง แล้วเดินทางต่อไปบางปากหนาก จากนั้นกลับไปที่ท่าเรือกลาง ใช้เวลา 1 ชม. ขึ้นไป

ต.บางชนะ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000

Taladnud Taladnam Bandon (ตลาดนัด ตลาดน้ำ บ้านดอน) (SuratThani)

ตลาดน้ำ-ตลาดนัดบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเฉพาะวันอาทิตย์ มีร้านขายสินค้าหลากหลายส่วนมากแล้วก็จะเป็นอาหารโดยเฉพาะขนมพื้นบ้าน เช่น ผัดไทยไชยา ข้าวหลามน้ำรอบ ขนมโค ขนมจาก เป็นต้น
และยังมีลานนั่งเล่นได้บรรยากาศการรับประทานอาหารริมแม่น้ำในช่วงเวลาพลบค่ำตะวันกำลังจะลาขอบฟ้า ซึ่งตลาดนัด-ตลาดน้ำบ้านดอน แห่งนี้มีรูปแบบภายใต้แนวคิด "บ้านดอนย้อนยุค" รวมของดีพื้นบ้าน ศิลปวัฒนธรรมของชาวใต้ มีการแสดงและการละเล่นที่น่าสนใจและหาชมได้ยากในสมัยนี้

บริเวณท่าปลาวาฬ(สวนศรีตาปี) อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000


เริ่มต้นกันด้วยสิ่งศักสิทธิ์ คู่บ้าน-คุู่เมือง


"ศาลหลักเมือง" ซึ่งตั้งสง่าเป็นมิ่งขวัญให้กับชาวสุราษฎร์ ณ บริเวณใจกลางเมืองใกล้กับแม่น้ำตาปี
เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองสุราษฎร์ในช่วงเวลาค่ำ จะมีประชาชนเข้ามากราบนมัสการศาลหลักเมืองกันหนาตาทุกวัน บริเวรด้านในศาลมีซุ้มขายดอกไม้ธูปเทียนไว้บริการ โดยมี ดอกบัวหลวง ดอกดาวเรือง และดอกบานไม่รู้โรย จัดเตรียมไว้ในถาดเล็กๆ

"สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำตาปีในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี เป็นสวนสาธารณะที่สร้างคู่ขนานไปกับถนนและแม่น้ำตาปี ซึ่งเป็นจุดนัดพบประพูดคุยทำกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว เช่น การเดินเพื่อออกกำลังกาย นั่งพักผ่อน นั่งชมวิถีชีวิตของชาวประมงในปัจจุบัน และยังเป็นอีกจุดที่สามารถนั่งชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้อย่างสวยงาม จากจุดนี้เมื่อมองไปอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจะสามารถมองเห็น เกาะลำพู 
"คลองร้อยสาย" ตั้งอยู่ฝั่งแม่น้ำตาปีที่มีคลองเล็ก คลองน้อยนับร้อย จึงได้รับการขนานนามว่า คลองร้อยสาย และชุมชนแห่งนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์วิถีไทย ความเป็นชุมชนชนบทในตัวเมือง มีวิถีชีวิตแบบเก่าๆ ชีวิตแบบเรียบง่ายที่พึ่งพาอาศัยลำน้ำแห่งชีวิตในการดำรงชีพ "ที่นี่..ชุมชนคลองร้อยสาย" ได้รับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว ความเป็นมาของคนในอดีตมาถึงปัจจุบัน อีกทั้งในเวลากลางคืน คุณยังสามารถเลือก ซื้อทัวร์ไปชมความงามของหิ่งห้อยได้อีกด้วย



กราบนมัสการ ๙ บารมี มหามงคล มนต์เสน่ห์ แห่งเนื้อนาบุญ "สุราษฎร์ธานี".....ที่ท่านควรรู้จัก


Wat Klang (วัดกลางเก่า) (SuratThani)

วัดกลางเก่า ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดไตรธรรมาราม เดิมวัดแห่งนี้สันนิฐานว่า น่าจะสร้างก่อน พ.ศ.2320 เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยชุมชนและพระสงฆ์ช่วยกันสร้างใกล้ริมแม่น้ำตาปี ซึ่งท่าน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ค้าขายสินค้าของประชาชนด้วยกัน จึงสร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นที่สถานที่ทำบุญ เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นศูนย์กลางของชุมชน วัดกลางมีบทบาทอันสำคัญในการเผยแผ่หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพระพุทธศาสนา


ถ.บ้านดอน ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000

Wat Pattanaram (วัดพัฒนาราม) (SuratThani)

วัดพัฒนาราม เดิมชื่อวัดใหม่ เป็นวัดที่หลวงพ่อพัฒน์ นารทะ สร้างขึ้น ตั้งอยู่ที่ 87/1 ถนนพัฒนาราม ตำบลตลาดล่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000 โทร.077-273975 วัดพัฒนาราม จัดเป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาทาง วัฒนธรรมวัตถุ และพิธีกรรมต่างๆ เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตและความเชื่อของชาวสุราษฎร์ธานีอย่างยิ่ง และเป็นโรงพยาบาลแผนโบราณแห่งแรกอีกทั้งยังเป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา

ประวัติความเป็นมา หลวงพ่อพัฒน์อุปสมบทและจำพรรษาที่วัดพระโยคหลายพรรษา จนถึงปี 2439 หลังจากกลับจากธุดงค์กับพระอาจารย์สุข ก็ได้สร้างวัดขึ้นใหม่ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "วัดใหม่" หลวงพ่อสร้างวัดบริเวณที่ดินร้างด้านหลังป่าช้าวัดพระโยคยังเป็นป่ารกทึบเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด อาทิ เสือ ลิง ค่าง งูพิษ หนูป่า โดยท่านได้ชักชวนชาวบ้าน ญาติมิตร และผู้มีจิตศรัทธา

หลานชายหลวงพ่อกล่อมแห่งวัดโพธิ์เล่าว่า "ผู้ใหญ่ทับ ม่วงทอง เกณฑ์คนจากสะบ้าย้อย คลองฉนาก มาขุดสระให้หลวงพ่อพัฒน์สร้างวัด ถมดิน ทำโบสถ์"


87/1 ถ.หน้าเมือง ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000

Wat Thamma Bucha (วัดธรรมบูชา) (SuratThani)

วัดธรรมบูชา เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดภาค 16 นิกาย ธรรมยุต อยู่ในเขตอำเภอเมือง ต่อมาพระธรรมธัชมุนี ได้ปรับปรุงเป็นการศึกษาคันถธุระควบคู่กับวิปัสสนาธุระด้วย โดยได้ก่อตั้งสำนักเรียนพระปริยัติธรรมและบาลี จนถึงบัดนี้มีนักเรียนสอบบาลีได้ถึง 9 ประโยค ในด้านการเผยแผ่ได้จัดให้มี การฝึกฝนการเทศนาอบรมประชาชน ตลอดถึงการออกเผยแผ่นอกสถานที่ ร่วมกับ ทางราชการในฐานะพระธรรมทูตด้วย ส่วนด้านการปกครองได้อบรมสั่งสอน พระภิกษุสามเณร ให้ปฏิบัติดำรงอยู่ในพระธรรมวินัย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของ ประชาชนทั่วไปตลอดมา และเป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศูนย์การศึกษาสุราษฎร์ธานี โทร 077-282865-6 โทรสาร 077-282865-6 ต่อ 108

143/1 ถ.ชนเกษม ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000

Wat Phothawas (วัดโพธาวาส) (SuratThani)

วัดโพธาวาส หรือ วัดหลวงพ่อกล่อม ก่อตั้งเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๓๓๐
ตั้งอยู่เลขที่ ๕๐ บ้านมะขามเตี้ย ถนนวัดโพธิ์ ตำบลตลาด อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๕ ไร่ ๒ งาน ๗๓.๕ ตารางวา
มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๗๑ นิ้ว สูง ๘๐ นิ้ว เป็นพระประธานในพระอุโบสถ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๒
หลวงพ่อกล่อมมีชื่อเสียงเรื่องตะกรุด ดังคำที่กล่าวจนรู้จักกันทั่วไปว่า "ตะกรุด ๓ ดอก หลวงพ่อกล่อม วัดโพธาวาส สุราษฎร์ธานี " ถือเป็นสุดยอดตะกรุดที่หายากและราคาแพงมากที่สุดของภาคใต้ เพราะด้วยประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ หายากกว่าเหรียญหล่อรุ่นแรก ปี ๒๔๗๐ และหลวงพ่อผ่านมือและจารอักขระสัมผัสทุกดอก



50 ถ.วัดโพธิ์ ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000

วัดกลาง ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดไตรธรรมาราม สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างก่อน พ.ศ.2320 ข้ามถนนไปก็เป็นท่าเทียบเรือบรรยากาศดี "พระอธิการซ้อน" อดีตเจ้าอาวาสละสังขารมานานกว่า 50 ปี ท่าน อยู่ในโลงแก้วด้านหลังให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา
วัดพัฒนาราม เดิมชื่อวัดใหม่ เป็นวัดที่ หลวงพ่อพัฒน์ นารทะ สร้างขึ้นหลังจาก กลับจากธุดงค์กับพระอาจารย์สุข หลวงพ่อพัฒน์สร้างวัดจากที่ดินรกร้างด้านหลังป่าช้าของวัดพระโยค "วัดพัฒนาราม" เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากในอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
วัดโพธาวาส  หรือ วัดหลวงพ่อกล่อม มีชื่อเสียงเรื่องตะกรุด ดังคำที่กล่าวจนรู้จักกันทั่วไปว่า
"ตะกรุด 3 ดอก หลวงพ่อกล่อมวัดโพธาวาส สุราษฎร์ธานี" ถือเป็นสุดยอดตะกรุดที่หายาก และราคาแพงมากที่สุดของภาคใต้
วัดกลางใหม่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2497 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. พ.ศ.2511 ปัจจุบันมีพระครูปริยัติคุณาวุธ เป็นเจ้าอาวาส วัดตั้งอยู่ที่บ้านแหลมทราย ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 


สักการะ ๘ ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ แห่งเมืองสุราษฎร์
ตามเส้นทางสักการะเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้ง ๘ ศาลเจ้านี้ท่านสามารถเดินทางไปไหว้เทพเจ้าทั้ง ๘ ศาลเจ้าได้ในวันเดียว เพื่อเสริมความสุข สิริมงคล แก่ตัวท่านเองและคนรอบข้าง

Ong Hok
Kian Shrine (ตำหนักอ๋องฮกเกี้ยน) (SuratThani)

ศาลเจ้าฮกเกี้ยน สร้างขึ้นเพื่อใช้ที่สักการะและเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้รำลึกถึงบรรพบุรุษ และได้ไปอัญเชิญองค์เทพเจ้าแลฮู้อ๋องเอียกง มาจากมณฑลฮกเกี้ยน จำนวน ๓ องค์ มาประดิษฐานเป็นเจ้าองค์ประธานในศาลเจ้าฮกเกี้ยน ภายหลังได้มีการอัญเชิญองค์เทพเจ้ามาร่วมศาลอีก ๒ องค์ คือ เจ้าแม่กวนอิม และเจ้าแม่ทับทิม
ในปีพ.ศ. ๒๔๙๖ ได้เกิดเพลิงไหม้ใหญ่ เผาผลาญศูนย์กลางความเจริญของตลาดบ้านดอนไปหมดสิ้นรวมไปถึงศาลเจ้าฮกเกี้ยน ด้วยความศรัทธาที่มีต่อองค์เทพเจ้าแลฮู้อ๋องเอียกง เจ้าแม่กวนอิม และเจ้าแม่ทับทิม ชาวฮกเกี้ยนจึงได้ช่วยกันปกป้ององค์เทพเจ้าทั้งสามให้รอดพ้นจากเพลิงไหม้ครั้งนั้นได้ ภายหลังจึงได้พร้อมใจกันก่อสร้างศาลเจ้าฮกเกี้ยนขึ้นมาใหม่ และอัญเชิญองค์เทพเจ้าทั้งสามกลับสู่ศาลเจ้าฮกเกี้ยนดังเดิม และกำหนดให้ถือเอาวันที่ ๙ เดือน ๙ ของทุกปี นับตามปฏิทินจีน เป็นวันฉลองวันเกิดขององค์เทพเจ้าแลฮู้อ๋องเอียกง องค์เทพเจ้าประธานของตำหนักอ๋องฮกเกี้ยนบ้านดอน

ถ.บ้านดอน ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000

Poi Sian Shrine (ศาลเจ้าโป๊ยเซียน) (SuratThani)

ศาลเจ้าโป๊ยเซียน หรือ มูลนิธิมุทิตาจิตธรรม ตั้งอยู่บนถนนหน้าเมือง มีองค์เทพเจ้าโป๊ยเซียน หรือแปดเซียนเป็นองค์ประธาน ประดิษฐานอยู่ที่ชั้นสองของมูลนิธิ บริเวณเดียวกันเป็นเทวสถานเก้าแชเต้ง ประดิษฐานพระพุทธเจ้าสามภพ และมีเจ้าแม่กวนอิม แกะสลักจากแกรนิตขาว สูง 18 เมตร ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของมูลนิธิ ไว้ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะขอพร และยังร่วมทำบุญบริจาคโลงศพได้ด้วย มูลนิธิมุทิตาจิตธรรมตั้งอยู่เยื้องห้างโคลีเซียม

ถ.หน้าเมือง อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000


ตำหนักอ๋องฮกเกี้ยน
สร้างขึ้นเพื่อใช้ที่สักการะและเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้รำลึกถึงบรรพบุรุษ และได้ไปอัญเชิญองค์เทพเจ้าแลฮู้อ๋องเอียกง มาจากมณฑลฮกเกี้ยน จำนวน 3 องค์ มาประดิษฐานเป็นเจ้าองค์ประธานในศาลเจ้าฮกเกี้ยน ภายหลังได้มีการอัญเชิญองค์เทพเจ้ามาร่วมศาลอีก 2 องค์ คือ เจ้าแม่กวนอิม และเจ้าแม่ทับทิม

ศาลเจ้าโป๊ยเซียน
ศาลเจ้าโป๊ยเซียน หรือ “มูลนิธิมุทิตาจิตธรรม” ตั้งอยู่บนถนนหน้าเมือง มีองค์เทพเจ้าโป๊ยเซียน หรือแปดเซียนเป็นองค์ประธาน ประดิษฐานอยู่บนชั้นสองของมูลนิธิ บริเวณเดียวกันเป็นเทวสถานเก้าแชเต้ง ประดิษฐานพระพุทธเจ้าสามภพ และมีเจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากแกรนิตขาว สูง 18 เมตร ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของมูลนิธิ ไว้ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะขอพร และยังร่วมทำบุญบริจาคโลงศพได้ด้วย มูลนิธิมุทิตาจิตธรรมตั้งอยู่เยื้องห้างโคลีเซียม

ไปยังเว็บใหม่ t-Globe?
ลงทะเบียนสมาชิกเพื่อได้รับข้อมูลทุกอย่างในเว็บไซด์
ชื่อ
อีเมล์
รหัสผ่าน
ยืนยันรหัสผ่าน

สมาชิกที่ลงทะเบียนจะสามารถ:
  • การใช้งานเชิงโต้ตอบt-Maps
  • ดูธุรกิจละแวกใกล้เคียง
  • พิมพ์ คู่มือท่องเที่ยวรูปแบบไฟล์ PDF
  • ได้รับคูปองส่วนลดสำหรับโรงแรมร้านอาหารและบริการอื่น ๆ
  • จดบันทึก และบันทึกข้อมูลเพื่อใช้ในอนาคต
  • ติดตามการเยี่ยมชมหน้าเว็บ